การศัลยกรรมจมูก สำหรับชาวแอฟริกัน

การศัลยกรรมจมูกสำหรับชาวแอฟริกัน (African Rhinoplasty หรือ Caribbean nose job) ประกอบด้วยหลากหลายเทคนิค ซึ่งตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงาม และปัญหาจมูก โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือการปรับรูปทรง และขนาดของจมูกให้มีความสวยงาม และปรับสัดส่วนบนใบหน้าให้สมดุล เป็นธรรมชาติ ตามความต้องการของแต่ละบุคคล

ทำไมต้องศัลยกรรมจมูก สำหรับชาวแอฟริกัน

เนื่องจากชาวแอฟริกันมักมีลักษณะปลายจมูกที่หนาใหญ่ (Boxy tip) และสั้น (weak nose tip) สัดส่วนของจมูกโดยรวมมีความใหญ่ และกว้างทั้งโครงจมูก (Nasal base) และปีกจมูก (Alar base) รวมถึงมีสันจมูกที่ต่ำ ซึ่งต้องการเสริมความสูงของสันจมูก ลดความกว้างของจมูก และเพิ่มความพุ่งของปลายจมูกให้สวยงาม เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละบุคคล

เทคนิคการศัลยกรรมจมูก สำหรับชาวแอฟริกัน

1. เสริมความสูงของสันจมูก และปรับรูปทรงของจมูกให้แคบลง

ผู้ที่มีลักษณะของสันจมูกที่ต่ำ สามารถแก้ไขได้โดยใช้เทคนิคปิด (Closed Rhinoplasty) และใช้ซิลิโคนในการเสริมความสูงของสันจมูก

แต่ในกรณีที่คนไข้มีปัญหาสันจมูกต่ำ ร่วมกับฐานจมูกกว้างมาก (Broad base of nasal bone) และต้องการปรับทรงจมูกให้แคบลง พร้อมกับเพิ่มความสูงในครั้งเดียวกัน ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ WIH จะแนะนำให้ใช้เทคนิคเปิด (Open Rhinoplasty) เพื่อปรับทรงจมูกให้เล็กลง จะทำโดยการตัดกระดูกด้วยเครื่องมือเฉพาะ (Osteotomy) และเสริมสันจมูก (Nasal bridge) ให้สูงขึ้นด้วยซิลิโคนไปในขั้นตอนเดียวกัน

2. ปรับรูปทรงปลายจมูก

2.1 ปลายจมูกมีเนื้อหนา และใหญ่ (Boxy tip)

กรณีปลายจมูกมีเนื้อหนา และใหญ่ ศัลยแพทย์จะทำการลดความหนาของเนื้อเยื่อไขมันออก รวมทั้งปรับโครงสร้างของกระดูกอ่อนปลายจมูก ซึ่งสามารถทำไปพร้อมกันกับการปรับโครงสร้างจมูกโดยเทคนิคเปิด (Open Rhinoplasty)

2. ปรับรูปทรงปลายจมูก

2.2 ปลายจมูกสั้นหรือเชิดขึ้น

หากคนไข้มีปลายจมูกสั้นร่วมด้วย สามารถปรับโครงสร้างปลายจมูกใหม่ให้ยาวขึ้นได้ โดยใช้กระดูกอ่อนแกนกลางจมูกของคนไข้เอง (Nasal Septal cartilage) มาเพิ่มความพุ่งของปลายจมูกให้ดูยาวขึ้น กระดูกอ่อนแกนกลางจมูก (Nasal septal cartilage) ข้อดีคือ มีโครงสร้างที่แข็งแรง เหมาะสำหรับนำมายืดโครงสร้างปลายจมูกให้มีความยาวขึ้น และสามารถปรับความพุ่งของจมูกให้ได้ความต้องการของคนไข้แต่ละบุคคล กรณีที่คนไข้ต้องการให้ปลายจมูกมีความพุ่งมาก สามารถใช้กระดูกอ่อนหลังหู (Conchal Cartilage) มาเสริมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

3. ตัดแต่งปีกจมูก Alarplasty

หากมีรูจมูกกว้าง และบานออกไม่ได้สัดส่วนที่สวยงาม ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ตัดแต่งปีกจมูกร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ทรงจมูกส่วนล่างแคบลง และสามารถลดขนาดรูจมูกให้เล็กลงอย่างเหมาะสมกับรูปทรงของจมูกโดยรวม เทคนิคการตกแต่งปีกจมูกที่ถูกต้อง จะต้องสามารถลดขนาดของรูจมูกให้เล็กลงตามความเหมาะสม โดยผลลัพธ์หลังการผ่าตัด สามารถรักษารูปทรงของรูจมูก ให้มีความกลมมนเป็นธรรมชาติ

อาการ และการดูแลหลังศัลยกรรมจมูก

  1. ในช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด แนะนำให้ประคบด้วยถุงเจลเย็น (Cool Compress) ที่บริเวณตา และแก้ม เพื่อลดอาการบวม
  2. เวลานอน แนะนำให้นอนศีรษะสูง โดยใช้หมอนหนุน 2 ใบ ในช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัด
  3. ทำความสะอาดแผลอย่างถูกต้อง โดยใช้น้ำยาที่เตรียมให้
  4. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนครบ
  5. ทำการตัดไหมภายใน 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  6. งดใส่แว่นอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  7. งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมหนักอย่างน้อย 1 เดือน

คำถามที่ถามบ่อย เกี่ยวกับการเสริมจมูก

วิธีการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด และเปิดแตกต่างกันอย่างไร

เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) เป็นการเปิดแผลเล็กด้านในรูจมูกสำหรับเสริมสันจมูกด้วยซิลิโคนเป็นหลัก ซึ่งเป็นการเสริมจมูกแบบปกติทั่วไป ข้อดี คือ เป็นการผ่าตัดเพียงรูจมูกด้านในใช้เวลาไม่นาน ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ข้อเสีย คือ มีซิลิโคนเสริมถึงปลายจมูก ดังนั้นการทำให้โด่ง หรือเชิดจะมีข้อจำกัด

ส่วนการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) คือ เทคนิคศัลยกรรมที่เน้นแก้ไขโครงสร้างจมูกให้สมบูรณ์ ด้วยมีแผลเพิ่มเติม คือ บริเวณฐานตรงกลางจมูก ด้วยวิธีนี้ศัลยแพทย์จะสามารถเห็นโครงสร้างภายในของจมูกได้ชัดเจน ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด และแก้ทรงจมูกได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ปัญหาจมูกของแต่ละบุคคลได้ดีกว่าเทคนิคการเสริมจมูกเบบปิด ข้อเสีย คือ มีแผลเป็นตรงกลางจมูก และใช้เวลาในการผ่าตัด และพักฟื้นนานกว่า จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์

ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัด โดยทั่วไปเสริมแบบปิด จะใช้เวลายุบบวม 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าเทคนิคแบบเปิด และจมูกจะเริ่มเข้าที่ช่วง 1 – 3 เดือน หลังผ่าตัด เมื่อครบ 6 เดือน จมูกจะเข้าที่ เห็นทรงที่ชัดเจน

เนื่องจากการฟื้นฟูหลังผ่าตัดของแต่ละคน มีความแตกต่างกัน โดยปกติแล้ว รอยช้ำหลังเสริมจมูกจะจางลงที่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ โดยแพทย์จะแนะนำให้ประคบเจลเย็นบริเวณใต้ตาหัวตา และจมูกในช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัด

รู้ลึก รู้จริง ทุกเรื่องศัลยกรรม

ปรึกษาทางออนไลน์ ฟรี สามารถสอบถามได้ทุกเรื่อง

วันจันทร์ – วันอาทิตย์

08.00 น. – 20.00 น.